ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของคำว่า " แม่ "

ก่อนอื่นต้องขอกราบสวัสดีมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ย! ผู้ที่หลงแวะเวียนเข้ามาอ่านกระทู้นี้หรือผู้ที่มีความหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นสาระ(แต่ความจริงแล้วอาจจะไม่) เอาล่ะไร้สาระกันมามากพอแล้ว (แกไร้สาระยุคนเดียว!) ขอแนะนำตัวเลยน่ะคะ จขกท.เพิ่งจะเป็นสมาชิกเว็บพันทิปครั้งแรก หลังจากที่เข้ามาด่อมๆมองๆอยู่นานเป็นเวลากว่า 2 ปี ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ หากใช้ถ้อยคำกวนประสาทหรือขาดตกบกพร่องยังไงก็ขออภัยชาวพันทิปทุกคนด้วยนะคะ
    เอาล่ะค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดิฉันตั้งขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์การตั้งครรภ์ มีลูกของ จขกท.ที่เป็นประสบการณ์ที่มีทั้งเศร้า เสียใจ ไม่สมหวัง ดีใจ ภูมิใจ และอีกหลายความรู้สึก จากประสบการณ์ของการเป็นแม่(ที่อาจจะน้อยนิด) โดยเรื่องราวของดิฉันจะมี 2 ภาค คือภาคที่เศร้าสุดๆและภาคที่สุขสุดๆ (ร่ายสะยาวเข้าเรื่องสะทีเถอะแม่คู๊ณ!)Facepalm
  ภาคที่ 1 ภาคที่เศร้าสุดๆ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนที่ จขกท. ตั้งครรภ์ในท้องแรก ซึ่งขณะนั้นดิฉันมีอายุเข้าช่วงเบญจเพสพอดี เป็นช่วงที่ชีวิตในตอนนั้นไม่ได้ลำบากหรือมีปัญหาอะไรเลย (ต้องบอกก่อนว่าดิฉันแต่งงานตอนอายุ 24 ปี อายุยังน้อยอยู่เลยใช่ม่า แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องเหตุผลน่ะคะ) หลังจากที่แต่งงานมาได้เกือบปี ในความคิดของดิฉันและสามี เราตกลงกันว่าเราจะยังไม่มีลูกจนกว่าทุกอย่างจะพร้อมกว่านี้ มีรถ มีบ้าน ใช้หนี้ให้ครอบครัวจนหมดก่อน (ตามอุดมคติของคนทั่วไป) แต่เนื่องจากญาติทางฝั่งของดิฉันที่เป็นผู้หญิง (ป้า น้า)ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องมดลูก เช่น มีลูกยาก มดลูกไม่แข็งแรง แม่ของดิฉันจึงต้องการให้ปล่อยมีลูกเลย ไม่อยากให้คุมเพราะกลัวจะมีลูกยาก และที่สำคัญท่านกลัวว่าจะไม่มีแรงเลี้ยงหลานให้ อีกอย่างคือหลังจากที่เรียนจบดิฉันถือเป็นเสาหลักในครอบครัวหากมีลูกแล้วแม่เลี้ยงช่วยไม่ได้ต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงเอง ทุกคนในครอบครัวก็จะลำบาก ดิฉันจึงตกลงทำตามความตั้งใจของแม่ โดยปล่อยให้มีลูกตามธรรมชาติหลังจากที่แต่งงานทันที  เวลาผ่านไปเกือบปีพาพันง่วง (รู้สึกเหมือนชักแม่น้ำทั้ง 5 อิอิ)
           -  วันที่ 20 เม.ย.2555 หลังจากที่ประจำเดือนขาดมา 2 เดือน ดิฉันก็ตัดสินใจซื้อแบบทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจที่บ้าน แถนแถ่นแถ้น! ผลตรวจออกมาคือ ดิฉันท้องประหลาดใจ รีบวิ่งเอาผลมาให้แม่ดู แม่ พ่อ สามี ดิฉันดีใจกันยกใหญ่
           - วันที่ 22 เม.ย.2555 ดิฉันตัดสินใจไปฝากครรภ์ที่คลีนิกในอีกอำเภอนึง ซึ่งหากจากบ้านของดิฉันประมาณ 50 กว่ากิโล( พยายามสุดๆ!) เหตุผลก็คือ เป็นที่เล่าลือกันว่าหมอคนนี้เก่งนักแลอัศวินขี่ม้าขาว ท้องไหนที่ว่ายาก ท้องไหนที่ว่ามีปัญหา นางแก้ไขปัญหาให้ได้หมด อีกทั้งดิฉันยังมีต้นทุนเป็นคนชอบเจ็บออดๆแอดๆ ปวดหัวบ้าง ปวดท้องบ้าง ฯลฯ เข้าข่ายโรครุมเร้า(แม่ของดิฉันเชื่ออย่างนั้น) ทางบ้านจึงลงมติให้ไปฝากคลีนิกกับหมอคนนี้เลย ไหนๆก็ต้องจ่ายเองทุกบาท ประกันสังคมเขาเหมาจ่ายให้แค่ 13000 จะไปโรงพยาบาลหรือคลีนิกก็ต้องจ่ายเองอยู่แล้ว เมื่อไปฝากครรภ์ก็ตรวจตามปกติ ตรวจเลือดพ่อแม่ แล้วก็ซักถามประวัติปกติ แล้วคุณหมอก็ทำการอัลตร้าซาวด์ ตอนนั้น คุณหมอบอกว่าอายุครรภ์ประมาณ 6-7 สัปดาห์ น้องยังตัวเล็กมากๆเลย แล้วหมอก็นัดอีก 1 เดือนมาฟังผลเลือดอมยิ้ม33
           - วันที่  22 พ.ค. 2555 วันนี้ตรงกับวันเกิดครบ 25 ปีของดิฉันพอดีและเป็นวันที่คุณหมอนัดดูผลเลือด ตลอดทางที่นั่งรถไปหาหมอดิฉันบอกกับตัวเองว่า "นี่ฉันกำลังจะเป็นแม่คน ฟ้าให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับฉันในวันที่ฉันอายุเข้าเบญจเพสพอดี" (แต่ก่อนหน้านี้แอบคิดมากเรื่องวัยเบญจเพส ซึ่งหลายๆคนบอกว่าเป็นช่วงอายุที่ควรระวัง  เมื่อมาถึงคลีนิกคุณหมอ ฉันก็ได้รับการตรวจปกติ คือ ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ถามอาการเบื้องต้น แล้วนาทีระทึกก็มาถึงเมื่อคุณหมอเรียกเข้าห้องตรวจพร้อมสามี
หมอ : "สวัสดีค่ะคุณแม่ วันนี้นัดฟังผลเลือดน่ะค่ะ" แล้วหมอก็เอาแฟ้มผลเลือดมาเปิดดู พร้อมกับทำหน้าตาไม่ดีนัก " หมอดูผลเลือดแล้ว ปรากฏว่า ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นภาหะทาลัสซีเมียน่ะค่ะ แล้วก็เป็นพาหะที่เป็นยีนแฝงชนิดเดียวกันด้วย เดี๋ยวหมอจะให้คุณแม่และคุณพ่อไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลอีกที เพื่อดูให้ละเอียดกว่านี้ ถ้ามีปัญหายังไงหมออาจจะต้องตรวจน้ำคร่ำอีกทีหากผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่เบื้องต้นตอนนี้ หมอบอกได้ว่าการที่พ่อแม่เป็นพาหะทั้ง 2 คนไม่ได้หมายความว่าลูกจะต้องเป็นโรคสะทีเดียวนะคะ น้องอาจจะเป็นพาหะเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้ เราต้องดูอีกทีว่ายีนแฝงชนิดนี้มันจะแสดงอาการมากน้อยแค่ไหน กี่เปอร์เซ็นถึงจะระบุได้ว่ามันจะรุนแรงหรือไม่รุนแรงแค่ไหนน่ะคะ อันนี้คุณแม่เข้าใจน่ะ" (ดิฉันพอรู้อัตราส่วนของโรคนี้อยู่บ้างจากสมุดเล่มสีชพู แต่ก็แอบหวั่นๆ)เศร้า จากนั้นคุณหมอก็ทำการอัลตร้าซาวด์ตามปกติ  
หมอ: "ม่ะหลังจากทีดูผลเลือดแล้ว คุณแม่ไม่ต้องกังวลน่ะคะ เราจะตรวจตามขั้นตอนเนาะทีนี้เรามาดูเจ้าตัวเล็กกัน" อีกครั้งที่คุณหมอทำหน้าตาไม่ปกติ " เอ่อ คุณแม่มองที่จอกับหมอน่ะ หมอไม่เห็นตัวเด็กอ่ะ อายุครรภ์ก็ 11-12 สัปดาห์แล้วน่ะ เดี๋ยวหมอดูอีกทีน่ะคะ" ผ่านไปเกือบ 2 นาทีที่คุณหมอหมุนๆเครื่องมืออยู่บนหน้าท้องของดิฉัน " อืมมมมมคุณแม่ค่ะ หมอไม่เจอตัวเด็กสงสัยว่าคุณแม่จะท้องลมแล้วล่ะคะ เอาเป็นว่าหมอนัดอีก 1 สัปดาห์มาเจอกันที่นี่อีกทีน่ะคะ ระหว่างนี้ถ้ามีเลือดออกต้องรีบมาหาหมอเลยนะคะ"
      หลังจากที่หมอพูดจบดิฉันไม่มีอะไรจะถาม ไม่มีอะไรจะพูด หรืออาจเป็นเพราะพูดไม่ออกเลยก็ได้ ทุกอย่างมันเงียบไปหมดเมื่อสิ้นเสียงของหมอ ฉันเดินออกจากคลีนิกแบบงงๆ ในใจคิดเพียงว่า " นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผลเลือด ทาลัสซีเมีย ท้องลม อะไร" ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้น ฉันและสามีต่างคนต่างนั่งเงียบ จู่ๆฉันก็ร้องไห้ น้ำตามันไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ฉันคิดว่า " นี่มันเกิดอะไร หนูกลัวแม่เลี้ยงหนูไม่ได้หรอ แม่เฝ้าดูแลตัวเองทุกอย่าง ทำทุกอย่างตลอดเวลา 1 เดือนที่รู้ว่ามีหนู จากคนที่ไม่เคยใส่ใจในตัวเอง ไม่เคยใส่ใจเรื่องอาหารกลับทำทุกอย่างเพื่อเป็นการดูแลตัวเอง แล้วนี่อะไร ทุกคนในบ้านดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าแม่มีหนู ไม่จริงสิ มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง" ร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่